ฟันปลอมเป็นอุปกรณ์ทางทันตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป สามารถทำได้ทั้งแบบใส่บางส่วน (ทดแทนฟันที่หายไปบางซี่) หรือแบบใส่ทั้งปาก (กรณีที่สูญเสียฟันทุกซี่) เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีประสิทธิภาพในการบดเคี้ยว พูดได้ชัดเจนขึ้น และเสริมบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้น
โดยทั่วไปฟันปลอมมักทำจาก อะคริลิกหรือโลหะ และการออกแบบจะขึ้นอยู่กับสภาพช่องปากของแต่ละบุคคล การใส่ฟันปลอมบางส่วนมีประโยชน์ในการป้องกันฟันข้างเคียงล้มเอียง ขณะที่ฟันปลอมทั้งปากช่วยทดแทนการสูญเสียฟันทุกซี่ในขากรรไกร
ขั้นตอนและระยะเวลาในการทำฟันปลอม
- การทำฟันปลอมมักใช้เวลาประมาณ 3–4 ครั้งนัดหมาย และแล้วเสร็จภายใน 7 วันทำการ (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
- ในช่วงแรกที่ใส่ฟันปลอม ผู้ป่วยอาจรู้สึกไม่คุ้นเคย จำเป็นต้องใช้เวลาประมาณ 3–4 สัปดาห์ เพื่อปรับตัว
- หลังจากใส่ฟันปลอมครั้งแรก ทันตแพทย์มักนัดเพื่อตรวจเช็กและปรับแก้จุดที่กดเจ็บ เพื่อให้ใส่ได้สบายขึ้น
การปรับตัวและการดูแลหลังใส่ฟันปลอม
- ในช่วงแรก อาจมีอาการพูดไม่ชัดหรือพูดลำบาก ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้นหากผู้ป่วยฝึกพูดบ่อย ๆ ภายใน 2 สัปดาห์
- ควรเริ่มรับประทานอาหารอ่อนและตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อช่วยให้ปรับตัวได้ง่ายขึ้น
- ผู้ป่วยบางรายที่กระดูกขากรรไกรมีการละลายมาก ฟันปลอมอาจไม่แน่น อาจต้องใช้สารช่วยยึดฟันปลอมชั่วคราว
- หากมีอาการกดเจ็บ ควรกลับมาพบทันตแพทย์เพื่อปรับแต่งเพิ่มเติม
ทางเลือกอื่นนอกจากฟันปลอม
สำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคงและใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากขึ้น รากฟันเทียม (Dental Implant) อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือก โดยรากฟันเทียมทำหน้าที่เสมือนรากฟันจริง ช่วยยึดฟันปลอม ครอบฟัน หรือสะพานฟันให้แข็งแรงยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้วิธีใดขึ้นอยู่กับสภาพช่องปาก งบประมาณ และการวินิจฉัยของทันตแพทย์เฉพาะทาง
การดูแลรักษาฟันปลอมอย่างถูกวิธี
การดูแลฟันปลอมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อยืดอายุการใช้งานของฟันปลอมและคงสภาพสุขภาพช่องปากที่ดี โดยมีแนวทางดังนี้
วิธีดูแลฟันปลอม
- ทำความสะอาดหลังอาหารทุกครั้ง
ควรถอดฟันปลอมออกมาทำความสะอาดด้วยแปรงขนอ่อนและน้ำสะอาด เพื่อลดการสะสมของคราบอาหารและคราบจุลินทรีย์ - ระวังการตกกระแทก
ฟันปลอมอาจบิ่นหรือหักได้หากตกพื้น ควรจับให้แน่นขณะทำความสะอาด และควรทำความสะอาดเหนือภาชนะที่มีน้ำรองรับ - แช่ในน้ำยาทำความสะอาดฟันปลอม
อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อช่วยกำจัดคราบและสิ่งสกปรกที่แปรงไม่ถึง และล้างน้ำสะอาดทุกครั้งก่อนใส่กลับเข้าปาก - ถอดฟันปลอมก่อนนอน
เพื่อพักเหงือก ลดการกดทับ และป้องกันการติดเชื้อราหรือการอักเสบในช่องปาก
ฟันปลอม: ทางเลือกในการทดแทนฟันธรรมชาติ
ฟันปลอมถือเป็นวิธีที่ใช้กันมานานและมีค่าใช้จ่ายที่เข้าถึงได้ง่าย เมื่อเทียบกับทางเลือกอื่น เช่น รากฟันเทียม อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้ฟันปลอมหรือวิธีอื่นควรขึ้นอยู่กับสภาพช่องปาก งบประมาณ และคำแนะนำจากทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ประเภทของฟันปลอม
ฟันปลอมเป็นหนึ่งในวิธีการทดแทนฟันที่สูญเสียไป ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้งานการบดเคี้ยวและการพูดได้ดีขึ้น รวมถึงช่วยเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจ ปัจจุบันฟันปลอมมีหลายประเภทให้เลือก ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละบุคคล โดยทันตแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและแนะนำประเภทที่เหมาะสมที่สุด
1. ฟันปลอมเฉพาะซี่แบบถอดได้ (ฐานอะคริลิกธรรมดา)
- เป็นฟันปลอมที่ใช้ทดแทนฟันบางซี่
- มีค่าใช้จ่ายไม่สูง
- ผลิตจากอะคริลิกที่ขึ้นรูปตามช่องปากผู้ป่วย
- เหมาะสำหรับผู้ที่ยังมีฟันธรรมชาติหลงเหลืออยู่
2. ฟันปลอมทั้งปากแบบถอดได้ (ฐานอะคริลิกธรรมดา)
- ใช้ทดแทนฟันทุกซี่ในขากรรไกรบนหรือขากรรไกรล่าง
- กระบวนการทำมักมีการลองใส่แบบขี้ผึ้งก่อน เพื่อปรับแก้ไขให้พอดี
- หลังการปรับแบบเรียบร้อย จะผลิตเป็นฟันปลอมจริงด้วยอะคริลิก
3. ฟันปลอมทั้งปากแบบถอดได้ (ฐานอะคริลิกแข็งพิเศษ)
- ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง แข็งแรงและทนทานกว่าฐานธรรมดา
- ดูเป็นธรรมชาติและมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า
- กระบวนการทำคล้ายกับฐานธรรมดา แต่ผลิตภายใต้แรงอัดสูง ทำให้มีความแข็งแรงมากกว่า
4. ฟันปลอมฐานนิ่ม (Valplast หรือวัสดุยืดหยุ่น)
- ฐานทำจากวัสดุที่ยืดหยุ่นและบางแนบไปกับเหงือก
- ให้ความรู้สึกสบายขณะใส่ ดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติ
- เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการให้เห็นตะขอโลหะของฟันปลอม
- มีอายุการใช้งานค่อนข้างยาวนาน
5. ฟันปลอมฐานโลหะ
- มีความแข็งแรงและทนทานกว่าฟันปลอมแบบฐานอะคริลิก
- ฐานบาง ทำให้สวมใส่สบาย ไม่เกะกะลิ้น โดยเฉพาะฟันปลอมขากรรไกรล่าง
- มักใช้ร่วมกับฟันปลอมบางส่วน เพื่อให้ยึดเกาะได้ดีและใช้งานได้ยาวนาน