เป้าหมายของการจัดฟัน
- เพื่อให้มีรอยยิ้มที่สวยงาม
- ฟันเรียงตรงและสบฟันถูกต้อง
- ช่วยให้การกัด เคี้ยว และพูดชัดเจนขึ้น
- ส่งเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจ
- ปรับสมดุลของรูปหน้าและโครงสร้างขากรรไกร
ช่วงวัยที่เหมาะสมในการจัดฟันคือ อายุ 12–13 ปี (เมื่อฟันแท้ขึ้นครบแล้ว) แต่จริงๆ แล้ว ไม่มีข้อจำกัดด้านอายุ ผู้ใหญ่ก็สามารถจัดฟันเพื่อความสวยงามและสุขภาพช่องปากได้เช่นกัน
รูปแบบการจัดฟัน
1. การจัดฟันแบบโลหะ (Metal Braces)
ใช้เหล็กและลวดรุ่นใหม่ที่เล็กและดูไม่ชัดเหมือนสมัยก่อน
- ข้อดี: ราคาประหยัดที่สุด, แข็งแรง, เหมาะสำหรับเด็กและวัยรุ่น
- ข้อด้อย: มองเห็นได้ชัด
2. การจัดฟันแบบเซรามิก (Ceramic Braces)
วัสดุเป็นเซรามิกสีเหมือนฟัน ใช้ลวดสีใส สังเกตเห็นยาก
- ข้อดี: ดูเป็นธรรมชาติกว่าโลหะ, แก้ไขฟันได้เร็วกว่าแบบใส
- ข้อด้อย: ราคาสูงกว่าโลหะเล็กน้อย, เสี่ยงเป็นคราบหากไม่รักษาความสะอาด
3. การจัดฟันแบบด้านใน (Lingual Braces)
ติดเหล็กและลวดด้านในของฟัน เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการให้ใครเห็นว่ากำลังจัดฟัน เช่น ผู้บริหาร ดารา ลูกเรือสายการบิน
- ข้อดี: มองไม่เห็นจากด้านนอก
- ข้อด้อย: ไม่สบายในช่วงแรก, รบกวนการพูด, ทำความสะอาดยาก, ราคาแพง และใช้เวลารักษานาน
4. การจัดฟันใส (Clear Aligners)
ใช้เครื่องมือจัดฟันพลาสติกใส สามารถถอดได้ เปลี่ยนชุดใหม่ทุก 2 สัปดาห์
- ข้อดี: แทบจะมองไม่เห็น, ถอดออกได้, กิน–ดื่มได้ตามปกติ
- ข้อด้อย: ไม่เหมาะกับเคสรุนแรง, ผลลัพธ์อาจไม่ชัดเท่าแบบโลหะหรือเซรามิก
สิ่งที่ควรรู้ก่อนจัดฟัน
- ฟันผุจำเป็นต้องได้รับการอุดก่อน
- อาจต้องถอนฟัน (2–4 ซี่) เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอในการเรียงฟัน
- ฟันคุดต้องได้รับการพิจารณาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่าต้องถอนหรือไม่
ระยะเวลาและการดูแลหลังจัดฟัน
- การจัดฟันมักใช้เวลาประมาณ 2–3 ปี
- หลังถอดเหล็กต้องใส่ รีเทนเนอร์ เพื่อคงตำแหน่งฟันใหม่
- หากรีเทนเนอร์หาย ต้องรีบติดต่อคลินิกเพื่อทำใหม่ทันที ไม่เช่นนั้นฟันอาจเคลื่อนกลับ
คำแนะนำจาก สุนิล เดนทัล คลีนิก
- การจัดฟันแบบโลหะยังคงเป็น วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด ในการแก้ไขฟันทุกเคส
- การจัดฟันแบบเซรามิกและแบบใส เป็นที่นิยมในผู้ใหญ่เพราะเน้นความสวยงาม
- ผู้ที่สนใจจัดฟันแบบใส ควรปรึกษาทันตแพทย์และดูตัวอย่างผลลัพธ์ก่อนตัดสินใจ